วันนี้ดิฉันได้ลองนึกและค้นหาคำที่คนไทยมักเขียนหรืออ่านผิดค่ะ น่าจะพอมีประโยชน์บ้างค่ะ
1. H ตัวอักษร h นี่ยังคงเป็นปัญหาสำหรับบ้านเรา ตั้งแต่ดิฉันยังเป็นเด็กแล้วค่ะ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังเคยได้ยินเด็ก ๆ หรือคนรุ่นใหม่หลายคนอ่านผิดอยู่ค่ะ ตัวอักษรนี้อ่านว่า เอช ไม่ใช่ เฮช ค่ะ แม้ว่าเวลาเอาไปประกอบคำหลายคำจะออกเสียงเป็น เฮช ก็ตาม (สงสัยท่องผิดว่า เฮช ฮอร์ส ม้า)
2. คำว่า cannot ที่หมายถึง ไม่สามารถนั้น can กับ not ต้องเขียนติดกันค่ะ หรืออาจจะกล่าวได้อีกอย่างว่าที่นิยมกัน ต้องเขียนติดกันค่ะ ไม่เขียน can not แยกกันค่ะ
3. คำว่า decease (di’sees) แปลว่า ตาย (เป็น noun ก็ได้ เขียนเหมือนกัน แปลว่า การตาย) ส่วนคำว่า disease (di’zeez) แปลว่า โรค หรือ เชื้อโรค ค่ะ
4. คำว่า dessert (di’zurt ดี่’เซิร์ท) แปลว่า ของหวาน ส่วนคำว่า desert (กรณีที่เป็น noun อ่านว่า de-zu(r)t เด-เสิร์ท) กรณีที่เป็น noun แปลว่า ทะเลทราย ค่ะ วิธีจำวิธีอ่าน ก็คือ จำสลับกัน ถ้า s สองตัว อ่าน ดี่’เซิร์ท ถ้า s ตัวเดียว อ่าน เด-เสิร์ท พอจำสลับกันแล้วจะจำได้แม่นเลยค่ะ
5. คำว่า clearify กับ clearification ไม่มีในภาษาอังกฤษค่ะ มีแต่ clarify กับ clarification แปลว่า ทำให้กระจ่าง ชัดเจน และการทำให้กระจ่าง ชัดเจน ตามลำดับค่ะ
6. ถ้าคนต่างชาติ ถามด้วย ประโยคปฏิเสธ แล้วเราต้องการตอบรับตามนั้น ต้องตอบด้วยรูปปฏิเสธค่ะ อย่างเช่น
Won’t you go to a movie today? ถ้าเราไม่ไปดูหนังวันนี้ เราจะตอบว่า No, I won’t. ไม่ใช่ Yes, I won’t. ค่ะ
7. คำว่า invitation ที่แปลว่า การเชิญ นั้น อ่านว่า in-vi’tey-shun อินวิ’เท้ฉั่น ไม่ใช่ อินวัย’เท้ฉั่น ค่ะ
8. คำว่า receipt ที่แปลว่า การรับ หรือใบเสร็จรับเงินนั้น อ่านว่า ri’seet รี’ซีท ไม่ใช่ receipt รีซีพท์ ค่ะ
9. คำว่า environment อ่านว่า in’vI-ru(n)-munt อิน’วิรันมันท์ ไม่ใช่ เอ็น’วั้ยรอนเหม่นท์ ค่ะ
10. คำว่า description อ่านว่า di’skrip-shun ดิส’คริ๊บฉั่น ไม่ใช่ เดสคริปชั่น ค่ะ
11. คำว่า assessory ไม่มี มีแต่คำว่า accessory (อ่านว่า ak’se-su-ree) แปลว่า เครื่องประดับ หรือส่วนประกอบเพิ่มเติมค่ะ
12. คำว่า public ไม่ได้เป็น verb แต่ทำหน้าที่เป็น noun หรือ adjective เท่านั้น ถ้าต้องการทำเป็น verb publicise (หรือ publicize) แปลว่า เผยแพร่ ส่วนคำว่า publish เป็น verb แปลว่า ลงข่าว หรือจัดพิมพ์ ค่ะ
อย่างไรก็ตามในความคิดของดิฉัน ดิฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เราเรียนภาษาอังกฤษนั้นก็คือเพื่อที่จะสื่อสารกันรู้เรื่องเท่านั้นเอง เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล อันที่จริง คนต่างชาติที่ทำงานร่วมกับเรา ซึ่งอาจจะเป็นฝรั่งหรือคนชาติเอเชียด้วยกันเท่าที่ดิฉันเห็น มักมีการปรับตัวเองเพื่อให้เข้าใจว่าเราสื่อถึงอะไรแม้ว่าเราจะออกเสียงผิด (เราก็เช่นเดียวกัน เพราะก็เป็นที่ยอมรับกันว่า คนต่างชาติที่ไม่ใช่ native speaker บางเชื้อชาตินั้น พูดภาษาอังกฤษฟังยากจริง ๆ แต่เราก็ต้องปรับตัวและปรับหูของเราเพื่อให้ฟังเขาได้รู้เรื่อง ไม่ใช่ให้เขาเป็นฝ่ายปรับตัวให้พูดถูกต้องแต่อย่างใด) ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ภาษาอังกฤษก็คือเพื่อสื่อสารให้รู้เรื่องซึ่งกันและกันนั่นเอง ไม่จำเป็นต้องออกเสียงถูกต้องสมบูรณ์เหมือนเจ้าของภาษาแต่อย่างใด แต่การที่เราพูดถูกต้องชัดเจน ก็ช่วยรับประกันได้มากกว่าว่าเขาจะฟังเรารู้เรื่องค่ะ
ขอขอบคุณ
WordWeb Dictionary (ดิฉันเอา phonetic มาจากที่นี่ค่ะ download free version ที่ http://wordweb.info/ ) (ดีมาก ๆ ใช้วิธีกด control + click ขวา เพื่อดูคำศัพท์ ไม่ต้องต่อ Internet)
http://dict.longdo.com/ (ดิคของไทยเรา ลองดู)
http://www.ldoceonline.com/ (ดิคของลองแมน สามารถฟังเสียงอ่านได้ค่ะ)
http://dictionary.cambridge.org/ (ดิคของเคมบริดจ์ ฟังเสียงอ่านไม่ได้)
Comments