ช่วงนี้ดิฉันได้ทำการค้นหาข้อมูลอย่างมากมายในอินเทอร์เน็ตค่ะ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอาหารเจ ซึ่งฝรั่งไม่มีเจ มีแต่ที่เรียกว่ามังสวิรัติ (Vegetarian) ซึ่งแบ่งความเข้มข้นของการรับประทานนั้นออกเป็นหลายระดับด้วยกัน ซึ่งสำหรับนักมังสวิรัติแล้ว จะไม่มีการบังคับว่าห้ามมีหอม กระเทียม ต้นกุยช่าย ผักชี และเครื่องเทศที่เผ็ดร้อนในอาหารเหมือนอย่างเจค่ะ (เพราะถือว่าอาหารดังกล่าวทำให้เกิดกำหนัด) ดิฉันได้พบเว็บไซต์หนึ่งที่น่าสนใจเป็นเว็บที่รวบรายชื่อร้านอาหารมังสวิรัติ (รวมทั้งเจ) เรียกว่าทั่วทุกมุมโลกค่ะ รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย แต่ก็คงไม่ใช่ว่าร้านอาหารเจทุกร้านจะมีข้อมูลในเว็บนี้นะคะ คงเฉพาะที่เป็นสมาชิกเท่านั้น เว็บไซต์ที่ว่าคือที่นี่ค่ะ http://www.vegdining.com/GetRestList.cfm?rgk=AS-THA
ที่น่าสนใจคือการแบ่งประเภทของร้านอาหารมังสวิรัติค่ะ ซึ่งจะทำให้นักมังสวิรัติทราบว่าร้านอาหารนั้นขายอาหารมังสวิรัติเข้มข้นในระดับใดค่ะ ลองมาดูชื่อประเภทและความหมายของแต่ละประเภทกันค่ะ หากใครที่รับประทานเจแล้วไปต่างประเทศจะได้ไต่ถามกันถูกค่ะ
V = Fully Vegetarian
VGN = Fully/Mostly Vegan
VVF = Very Veg-Friendly (2 of 3 entrées veg)
VF = Veg-Friendly (1 of 3 entrées veg)
SV = Serve several vegetarian dishes (At least 1 of 5 entrées vegetarian)
FS = Veg-Friendly Food Store
BB = Veg-Friendly Bed & Breakfast
BK = Veg-Friendly Bakery
และอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่นักรับประทานเจบ้านเราควรจะทราบไว้อย่างหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงหลายท่านก็ทราบดีอยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าการรับประทานเจนั้นไม่ได้อยู่ในพระพุทธศาสนานิกายของบ้านเราซึ่งเป็นของเดิมแท้ค่ะ แต่เป็นความเชื่อของทางพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งพระภิกษุท่านฉันอาหารเจค่ะ ซึ่งพลอยทำให้เหล่าอุบาสกกับอุบาสิการับประทานเจตามไปด้วยในเดือนเก้าค่ะ และอันที่จริงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ทรงห้ามการรับประทานเนื้อสัตว์แต่อย่างใด ยกเว้นเนื้อสัตว์ที่ชาวบ้านจงใจฆ่าเพื่อนำมาประกอบอาหารถวายพระภิกษุและเนื้อสัตว์บางอย่างเท่านั้นค่ะ (เนื้อที่มีพระวินัยบัญญัติห้ามภิกษุฉันมี 10 อย่าง คือ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือดาวและเนื้อหมี) ในสมัยพุทธกาลนั้น พระองค์ท่านบัญญัติเรื่องนี้ขึ้นมาเนืี่องจากพระเทวทัตได้ทูลขอต่อพระองค์รวมทั้งข้อวัตรปฏิบัติที่เข้มงวดมากอีกบางข้อ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเห็นว่าไม่เป็นไปซึ่งทางสายกลางค่ะ ดังนั้นตามความคิดเห็นของดิฉัน การรับประทานเจสำหรับบ้านเราโดยเฉพาะที่เป็นพุทธศาสนิกชนนั้นควรจะมองว่าเป็นเรื่องของการรักษาสุขภาพมากกว่าค่ะ (ล้างท้อง) ซึ่งที่ผ่านมาในเว็บไซต์ธรรมะมีการถกเถียงถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกันในเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง ประมาณว่ามีความรู้สึกว่ามีการข่มกันจากคนที่กินเจว่าได้บุญกว่ามีศีลบริสุทธิ์กว่าค่ะ คนที่ไม่กินก็เลยไม่พอใจนะค่ะ ซึ่งอันที่จริงใครใคร่รับประทานก็รับประทานไป ใครไม่ใคร่ก็ไม่เห็นเป็นไร แล้วแต่รสนิยมว่าไหมคะ (อ้อ ดิฉันก็ทานนะคะ)
เครดิต:
Komentarze